AIAT ร่วมเสวนาหัวข้อ “สิทธิบัตรด้าน AI กับการวางกลยุทธ์เพื่อดึงดูดทุน” ในงาน “Thailand Digital IP Forum 2025” ภายใต้แนวคิด Cracking IP Challenges in the AI Driven World

AIAT ร่วมเสวนาหัวข้อ “สิทธิบัตรด้าน AI กับการวางกลยุทธ์เพื่อดึงดูดทุน” ในงาน “Thailand Digital IP Forum 2025” ภายใต้แนวคิด Cracking IP Challenges in the AI Driven World

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา สมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) โดย ดร.เทพชัย ทรัพย์นิธิ นายกสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย เข้าร่วมเสวนาในงาน Thailand Digital IP Forum 2025 ในหัวข้อ “สิทธิบัตรด้าน AI กับการวางกลยุทธ์เพื่อดึงดูดทุน” ณ โรงแรมเดอะ แลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ

กิจกรรมเสวนาในหัวข้อดังกล่าว กล่าวถึง ประเด็นความท้าทายด้านสิทธิบัตรของไทยในยุค AI รวมถึงความท้าทายของ Startup กับกลยุทธ์ Open & Close และปิดท้่ายด้วย แนวคิดเกี่ยวกับทางรอดในยุค AI และ โอกาสของ AI ในประเทศไทย

| ดร.เทพชัย ทรัพย์นิธิ นายกสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย

สาระสำคัญของการเสวนา หัวข้อ “สิทธิบัตรด้าน AI กับการวางกลยุทธ์เพื่อดึงดูดทุน” สรุปได้ดังนี้

ความท้าทายด้านสิทธิบัตรของไทยในยุค AI

ปัจจุบันประเทศไทยมีเพียง สิทธิบัตรการออกแบบ และ สิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ แต่ยังขาด สิทธิบัตรเชิงอัลกอริทึม ซึ่งมีความสำคัญในการปกป้องเทคโนโลยี AI เหมือนที่ประเทศชั้นนำทำอยู่ ดังนั้น นักพัฒนาควรสำรวจว่างานของตนเข้าข่ายสิทธิบัตรประเภทใด และหาวิธีคุ้มครองอัลกอริทึมร่วมกับฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ควรศึกษาแนวทางการจดสิทธิบัตรในระดับสากลเพื่อเพิ่มโอกาสแข่งขันในตลาดโลก การเข้าใจและใช้สิทธิบัตรอย่างถูกต้องจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถพัฒนานวัตกรรม AI ได้อย่างยั่งยืนและมีศักยภาพมากขึ้น

Startup กับกลยุทธ์ Open & Close: ทางรอดในยุค AI

สำหรับ Startup ขนาดเล็ก การมีกลยุทธ์แบบ Open & Close เป็นสิ่งสำคัญ Open หมายถึงการเข้าร่วมคอมมูนิตี้ AI เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างเครือข่าย ส่วน Close คือการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาผ่าน การจดสิทธิบัตร (Patent) เพื่อสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ ดังนั้น สตาร์ทอัพไทยควรเร่งจดสิทธิบัตรควบคู่ไปกับการสร้างคอมมูนิตี้ เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกและเติบโตได้อย่างยั่งยืน แนวทางนี้กำลังกลายเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่ต้องการทั้งการขยายเครือข่ายผู้พัฒนา และการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อความได้เปรียบทางธุรกิจ

โอกาสของ AI ในประเทศไทย: ใช้จุดแข็งให้เป็นประโยชน์

ปัจจุบัน AI ขับเคลื่อนด้วย Data และสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมหลักของไทย เช่น ท่องเที่ยว เกษตร และโรงงาน โดยเฉพาะ การท่องเที่ยว ที่สามารถพัฒนา Cultural AI เพื่อใช้ประโยชน์จากเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ไม่มีในประเทศอื่น

AI ไทยยังมีโอกาสเติบโตใน Niche Market เช่น
– AI Food – พัฒนาเทคโนโลยีด้านอาหารและโภชนาการ
– AI Textile – ใช้ AI ในอุตสาหกรรมสิ่งทอและแฟชั่น

แนวทางนี้จะช่วยให้ไทยสร้าง AI ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก ดังนั้นไทยต้องพัฒนา AI ให้ตอบโจทย์จุดแข็งของตนเอง เช่น การท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมเฉพาะทาง พร้อมทั้งเข้าใจสิทธิบัตรและแนวทางปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อแข่งขันในตลาดโลกต่อไป

สามารถรับชมสัมมนา Thailand Digital IP Forum 2025 ย้อนหลังได้ที่